ต่อมาทางการเห็นว่าไม่สมควร ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-ค.ศ.907) จึงลดวัน ”หานสือ” ให้น้อยลง และเน้นความสำคัญในการเซ่นไหว้บรรพบุรุษมากขึ้น รวมทั้งการทำความสะอาดสุสาน การอาบน้ำที่ริมแม่น้ำที่เรียกว่า ”ฝูเซีย” (祓褉) เพื่อเป็นสิริมงคลให้ห่างไกลจากภัยพิบัติ การท่องเที่ยวนอกเมือง ในสมัยพระเจ้าถังเสวียนจง (唐玄宗) (ค.ศ.712 –ค.ศ.742) ทรงมีพระราชบัญชาให้ราษฏรหยุดในเทศกาลนี้ 4 วัน
ข้อมูลเกี่ยวกับวันเทศกาลนี้ดูได้จากหนังสือ ”ถังฮุ่ยเย้า ตอนที่ 82” (《唐会要》卷82) มาถึงสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (北宋) (ค.ศ.960-ค.ศ.1127) เทศกาลเช็งเม้งและหานสือได้หยุดรวม 7 วัน ดังที่กล่าวไว้ในหนังสือ ”เหวินชังจ๋าลู่” (《文昌杂录》) ของผังหยวนอิง (庞元英)
ในปี ค.ศ.1935 รัฐบาลประเทศจีน (中华民国) ก่อนตั้งประเทศใหม่ ได้กำหนดวันที่ 5 เดือน 4 ของปีคริสตศักราชเป็นวันเช็งเม้งประจำปี และให้เป็นวันหยุดอย่างเป็นทางการหนึ่งวัน ต่อมาในปี ค.ศ.2007 เดือน 7 วันที่ 12 รัฐบาลมีประกาศให้หยุดวันเช็งเม้งอย่างเป็นทางการ โดยหยุดตามวันที่ปฏิทินจีน หรือปฏิทินหนงลี่ (农历) กำหนดไว้
เทศกาลเช็งเม้งจะจัดกันในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิมาจนถึงวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ผลิ และในปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายจีนต่างถือเอาวันที่ 5 เดือน 4 เป็นวันสิ้นสุดของเทศกาล โดยเป็นเทศกาลที่ลูกหลานต้องไปร่วมกันจัดไหว้บรรพบุรุษ ทำความสะอาดสุสาน ตามประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมา ในโอกาสนี้บุตรหลานได้มีโอกาสพูดคุยสังสรรค์กันมากขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นกุศโลบายหนึ่งที่ทำให้ลูกหลานเกิดความสามัคคีปรองดองเพื่อร่วมกันสร้างวงศ์ตระกูลให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น