“เก๋ากี้” มีชื่อเรียกในภาษาจีนกลางว่า “โก่วฉีจึ” และมีชื่อที่คุ้นหูอีกชื่อหนึ่งว่า “โกจิเบอร์รี่” (Goji Berry)หรือ “วูฟเบอร์รี่” (Wolfberry) เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน ผลเป็นสีแดง จะสุกในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ชาวจีนจะนิยมเก็บผลเก๋ากี้มาตากในที่ร่มจนผิวเหี่ยว สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย ตลอดจนนำมาแปรรูปเป็นชาสมุนไพรดื่มบำรุงสุขภาพได้อีกด้วย
ในตำราโบราณของศาสตร์การแพทย์แผนจีนหลายเล่มได้กล่าวถึงเก๋ากี้ไว้ว่า เป็นผลไม้ที่นำมาทำเป็นยารักษาโรคได้หลายอย่าง มีรสหวาน ฤทธิ์กลางไม่ร้อนไม่เย็น ไม่มีพิษ ฤทธิ์ยามุ่งเข้าสู่เส้นลมปราณตับ ม้าม กระเพาะอาหาร และปอด มีสรรพคุณบำรุงให้ปอดและไตชุ่มชื่น บำรุงตับ บำรุงสายตาป้องกันและรักษาอาการตาแห้งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แพทย์จีนยังใช้บรรเทาและรักษาอาการของโรคเบาหวาน ไอแห้งเรื้อรัง บำรุงเส้นเอ็นและกระดูก ในตำราเย่าซิ่งลุ่นของจีนบันทึกไว้ว่าเก๋ากี้เคยถูกใช้เป็นยาเพิ่มอสุจิในเพศชายได้ดีอีกด้วย
ปัจจุบันนี้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารออกฤทธิ์ของเก๋ากี้มากมาย ซึ่งพบว่าในเก๋ากี้นั้นนอกจากจะได้ชื่อว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟู้ด” เพราะมีไฟเบอร์สูง อุดมไปด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการหลากหลายชนิด เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส เจอร์มาเนียม และมีวิตามินซีสูงแล้ว ยังมีสารจำพวกซีแซนทีน (zeaxanthin) และลูทีน (lutein) สูงกว่าผักผลไม้ทั่วไปด้วย* ซีแซนทีนและลูทีนเป็นองค์ประกอบสำคัญในจอประสาทตา ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา จึงทำให้เก๋ากี้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหลายชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม และโรคหัวใจและหลอดเลือด
การรับประทานเก๋ากี้ นอกจากนำมาต้มรวมกับสมุนไพรจีนอื่นๆรวมเป็นตำรับยารักษาโรคโดยตรงแล้ว ยังสามารถนำมาดัดแปลงรับประทานในรูปแบบอื่นๆได้ด้วย ดังนี้